สำรวจความคิด

สำรวจความคิด แบบไหนในเรื่องเพศ  

แบบทดสอบ - สำรวจความคิด

  • เมื่อเลือกของขวัญให้กับลูกของเพื่อนที่เกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง  จะเลือกของขวัญอะไร เลือกสีแบบไหน
  • เมื่อมีเด็กๆ มาถามว่า “เป็นผู้หญิงชอบผู้หญิงได้เหรอคะ”  จะตอบอย่างไร จะมีท่าทีอย่างไร
  • เมื่อเห็นเพื่อนผู้หญิงมีแฟนเป็นผู้หญิง จะมีท่าทีแสดงออกอย่างไร
  •  เมื่อมีผู้หญิงบอกว่า อยากมีหนวด ไม่อยากใส่กระโปรง อยากใส่กางเกง อยากตัดผมสั้นแบบผู้ชาย จะมีท่าทีแสดงออกอย่างไร
สำรวจความคิด แบบไหนในเรื่องเพศ

ถ้าความคิดอัตโนมัตินั้นส่งผลต่อท่าทีที่แสดงออกคือ

 
  • เด็กผู้หญิงมักชอบตุ๊กตาและสีชมพู ก็ต้องซื้อของที่เด็กผู้หญิงชอบสิ
  • ท่าทางหลีกเลี่ยงไม่อยากตอบคำถามว่าผู้หญิงเป็นแฟนกันได้ไหม ถามอะไรกันเนี่ย
  • ท่าทางประหลาดใจ กระอักกระอ่วน หรือตกใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนมีแฟนเป็นผู้หญิง ทำตัวไม่ถูก
  •  ท่าทางงุนงง หรือ ขำขัน ลังเลว่าจะเป็นไปได้เหรอผู้หญิงมีหนวด ตัดผมสั้น

สำรวจความคิด – ท่าทีกับความคิดอัตโนมัติทั้งหลายนั้นมาจากไหน

ระบบไบนารี (Binary) และความเชื่อเรื่องมีเพียงสองเพศ ชายหญิง

 

ระบบไบนารีในบริบทของเพศ หมายถึงความเชื่อที่ว่ามีเพียงสองเพศเท่านั้น คือเพศชายและเพศหญิง โดยเพศที่กำหนดนี้เป็นเพศสภาพที่สังคมกำหนดไว้ตามลักษณะทางกายภาพ เช่น เพศชายมีลักษณะทางร่างกายเฉพาะอย่างหนึ่ง และเพศหญิงมีลักษณะทางกายภาพในลักษณะเฉพาะอีกแบบหนึ่ง การกำหนดเพศในลักษณะนี้มีมาตั้งแต่ในอดีตและส่งผลต่อวิธีการที่สังคมมองตัวตนและบทบาทของคนในสังคม

 

แนวคิดของระบบไบนารีและการจำกัดกรอบของเพศ

 

ระบบไบนารีถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยเกณฑ์ทางกายภาพซึ่งแบ่งเพศออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือเพศชายและเพศหญิง จากนั้นสังคมมักกำหนดบทบาทและคุณลักษณะเฉพาะให้แก่เพศเหล่านั้น โดยมักจะคาดหวังให้คนในแต่ละเพศประพฤติและแสดงออกตามบทบาทที่สังคมถือว่าเหมาะสม ตัวอย่างเช่น การที่สังคมกำหนดว่าเพศชายควรมีความแข็งแกร่ง กล้าหาญ และเป็นผู้นำ ขณะที่เพศหญิงควรมีความอ่อนโยน นุ่มนวล และปฏิบัติหน้าที่ในครอบครัวมากกว่าการทำงานนอกบ้าน

 

แนวคิดนี้ถูกส่งเสริมผ่านระบบการศึกษา สื่อ และวัฒนธรรมจนกลายเป็นบรรทัดฐานที่สังคมยึดถือ ทำให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศรู้สึกถึงการถูกจำกัดกรอบหรือไม่ได้รับการยอมรับ ระบบไบนารีจึงเป็นแนวคิดที่ถูกนำมาใช้กำหนดและกดดันการแสดงออกของเพศในสังคมมาอย่างยาวนาน

 

การท้าทายและการตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศ

 

ในปัจจุบันมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเรื่องเพศ ทำให้มีการตระหนักถึงการมีอยู่ของเพศหลากหลายที่ไม่จำเป็นต้องเข้าข่ายเพียงแค่สองเพศนี้ เช่น เพศทางเลือก (non-binary) และกลุ่มเพศอื่นๆ ที่ไม่สามารถจำกัดตัวเองไว้ในเพศชายหรือหญิงเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่มีลักษณะทางร่างกายที่ไม่จำแนกชัดเจนว่าเป็นเพศใด เรียกว่าเพศทางเลือกหรือผู้ที่มีภาวะอินเตอร์เซ็กส์ (Intersex) ซึ่งเป็นบุคคลที่เกิดมาพร้อมลักษณะร่างกายที่ผสมผสานทั้งเพศชายและหญิง

 

การท้าทายแนวคิดของระบบไบนารีนี้สะท้อนถึงความตระหนักถึงความซับซ้อนและความหลากหลายของเพศที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังช่วยเปิดโอกาสให้บุคคลแต่ละคนสามารถเลือกแสดงออกถึงตัวตนของตนเองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องถูกจำกัดในกรอบทางเพศที่สังคมกำหนดไว้

 

 

การยอมรับความหลากหลายทางเพศช่วยให้บุคคลสามารถแสดงออกตามตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของผู้คน นอกจากนี้ยังเป็นการลดความกดดันทางสังคมและลดการแบ่งแยก การยอมรับเพศในมุมมองที่หลากหลายยังส่งผลให้สังคมมีความเปิดกว้างและมีความยุติธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการสนับสนุนสิทธิและโอกาสของบุคคลที่อาจไม่เข้าข่ายระบบไบนารี

 

 

ระบบไบนารีเป็นแนวคิดที่จำกัดเพศไว้เพียงสองกลุ่มเท่านั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแสดงออกและบทบาทของคนในสังคม อย่างไรก็ตาม เมื่อสังคมได้ตระหนักถึงความหลากหลายของเพศมากขึ้น แนวคิดนี้เริ่มถูกท้าทาย ทำให้เกิดการยอมรับเพศในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้ผู้คนสามารถแสดงออกและดำเนินชีวิตตามตัวตนที่แท้จริงได้อย่างอิสระ

 

 

ระบบไบนารีกับการจำกัดบทบาทและความคาดหวังทางสังคม


แนวคิดระบบไบนารีได้ส่งผลต่อการกำหนดบทบาทและความคาดหวังทางสังคมอย่างเข้มงวด เช่น สังคมมักมองว่าเพศชายควรมีความเข้มแข็ง กล้าหาญ เป็นผู้นำ ในขณะที่เพศหญิงควรมีความอ่อนโยน ดูแลครอบครัว และปฏิบัติหน้าที่ในบ้านมากกว่านอกบ้าน ความเชื่อนี้ฝังรากลึกในระบบการศึกษา วัฒนธรรม และสื่อ ซึ่งแสดงออกในรูปแบบของโฆษณา ภาพยนตร์ หนังสือ และการเลี้ยงดูเด็ก


นอกจากนี้ การยึดมั่นกับระบบไบนารียังส่งผลให้บุคคลที่ไม่ได้ระบุเป็นเพศชายหรือหญิงชัดเจน ต้องพบกับการไม่ยอมรับหรือการแบ่งแยก ทำให้พวกเขาอาจรู้สึกกดดันหรือถูกกีดกันจากการเข้าร่วมกิจกรรมในสังคมอย่างเสรี


 


ในปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นของความตระหนักเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ สังคมเริ่มมองเห็นว่าเพศไม่ใช่สิ่งที่สามารถแบ่งแยกได้เพียงสองประเภทอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพูดถึงกลุ่มคนที่มีเพศทางเลือกหรือกลุ่มที่ไม่อยู่ในกรอบของเพศชายและหญิง ระบบไบนารีจึงถูกท้าทายเพื่อลดข้อจำกัดทางสังคมที่เคยมีอยู่


บุคคลที่เป็นเพศทางเลือกอาจระบุว่าตนเป็นเพศกลาง (Genderqueer) เป็นเพศลื่นไหล (Genderfluid) หรืออาจไม่จำกัดตนเองในระบบเพศแบบใดแบบหนึ่ง (Agender) การที่สังคมตระหนักถึงการมีอยู่ของกลุ่มคนเหล่านี้มากขึ้นทำให้สังคมมีความยุติธรรมและเปิดกว้างมากขึ้น ช่วยส่งเสริมให้ทุกคนสามารถแสดงออกถึงตัวตนได้อย่างเสรี และส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม


 

การยอมรับเพศที่หลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยสร้างสังคมที่เท่าเทียมมากขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อทุกคน เนื่องจากทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตนได้รับการยอมรับ การที่สังคมเปิดกว้างให้กับคนที่มีตัวตนและเพศสภาพที่แตกต่าง ช่วยลดปัญหาการถูกกีดกันหรือความรู้สึกโดดเดี่ยว อีกทั้งยังลดความเครียด ความซึมเศร้า และเพิ่มความมั่นใจให้กับบุคคลที่รู้สึกว่าเพศสภาพของตนไม่สอดคล้องกับกรอบทางเพศที่สังคมกำหนด


ระบบไบนารีจึงถูกมองว่าเป็นกรอบที่จำกัดการแสดงออกของเพศสภาพ เนื่องจากบุคคลทุกคนไม่ได้รู้สึกว่าเพศสภาพของตนสอดคล้องกับเพศทางกายภาพที่กำหนดมา เช่น กลุ่มคนที่มีความเป็นเพศหลากหลาย (Gender diversity) หรือบุคคลที่ไม่ได้ระบุตัวเองเป็นเพศใดเพศหนึ่ง (Non-binary) การยึดติดกับระบบไบนารีทำให้เกิดการกีดกันและบังคับให้คนต้องปรับตัวตามกรอบที่สังคมกำหนด

ระบบแบบไบนารี (binary) ที่เชื่อว่ามีเพียงสองเพศชายหญิง และการหล่อหลอมบทบาททางเพศที่ตอกย้ำอยู่ในทุกระบบของสังคม ทำให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศได้รับผลกระทบจากระบบความคิดนี้ และระบบความคิดที่หล่อหลอมกันมานี้ทำให้เกิดความคิด ความรู้สึก และการกระทำอัตโนมัติ เช่น

สังคมที่หล่อหลอมว่า ธรรมชาติมีเพียงสองเพศ และเพศชายกับหญิงต้องคู่กัน (เพศอื่นไม่เป็นไปตามธรรมชาติ) ความคิดโดยอัตโนมัติจึงส่งผลต่อการแสดงออกอัตโนมัติ

"ปรับความคิดที่ถูกหล่อหลอม" เป็นเรื่องที่ "เราก็คิดเองได้"

 ไม่ใช่ว่าเราจะหลุดพ้นจากความคิด ความเชื่อและท่าทีอัตโนมัติเหล่านี้ไม่ได้”

 

“เราก็คิดเองได้”  คิดต่างออกไปได้  ออกนอกกรอบความคิดความเชื่อที่หล่อหลอมได้  ไม่จำกัดตัวเองให้คิดหรือแสดงออกอย่างอัตโนมัติแบบนั้น

สำรวจความคิด แบบไหนในเรื่องเพศ

เด็กผู้หญิงทุกคนไม่ได้ชอบสีชมพู สิ่งที่เราต้องใส่ใจคือเด็กต้องการอะไร

 

ในกรณีอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่ต้องหลีกเลี่ยงคำถาม แสดงท่าทีตกใจ ประหลาดใจ กระอักกระอ่วน งุนงง หรือขบขัน

 

แต่ควรค้นหาคำตอบจากคำถามหรือคำบอกเล่านั้นว่าผู้พูดจะบอกอะไรเรา

พูดคุยอย่างไม่ตัดสิน และมีท่าทีที่พร้อมจะทำความเข้าใจกับเรื่องนั้นๆ

ถ้าเราคิดเองได้ ความคิดอัตโนมัติที่มาจากการหล่อหลอมก็ทำอะไรเราไม่ได้