เบิกบานเฟส 2025 กับ HON BKK
“พื้นที่เล็ก ๆ ที่เปิดประตูต้อนรับทุกหัวใจ ให้ได้พัก กอด และเติบโต”

“พื้นที่ปลอดภัยที่รู้สึกเหมือนบ้าน” ให้ความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และเปิดโอกาสให้ “ทุกตัวตน” ได้อยู่ในพื้นที่ที่เข้าใจ – HON BKK
HON House (เครือข่ายสุขภาพและโอกาส) เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพ สิทธิทางเพศ และพัฒนาศักยภาพแกนนำจิตอาสา โดย Safe Space by HON หรือ HON BKK เป็นหนึ่งในโครงการ/พื้นที่ภายใต้ร่มกิจกรรมนั้น ๆ
ณ HON BKK แห่งนี้ กุสุมา จันทร์มูล หรือ มุ้ย ผู้มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับการดูแลร่างกายและจิตใจโดยเฉพาะในกลุ่มหญิงรักหญิงจากเครือข่ายสุขภาพและโอกาส ได้มีโอกาสเล่าถึงการทำงานในบ้านจากงาน “เบิกบานเฟส 2025” เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

เบิกบานเฟส หรือ เบิกบานเฟสติวัล เป็นเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ในปีนี้ 2025 ผู้จัดงานเล่าว่า “ประเด็นเด่นของงานปีนี้คือ พลังของความสัมพันธ์และความรักของชุมชน ความรักที่เราให้แก่กัน ภูมิใจในกันและกัน และเปิดรับความเป็นตัวเอง พร้อมยอมรับความไม่สมบูรณ์ของเราเอง เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้ภายในเติบโต และเพื่อให้สังคมเบิกบานเกิดการเปลี่ยนแปลง
เรายังเชื่อมโยงกับประเด็นสำคัญของสังคม เช่น ระบบการดูแล สิทธิ สุขภาวะ ความหลากหลายทางระบบประสาท ศิลปะ การภาวนา แรงงานข้ามชาติเมียนมา สิ่งแวดล้อม ความเป็นธรรมทางเพศ ฯ เพื่อสร้างพื้นที่ส่งเสริมการการเติบโตภายใน ทำงานเปลี่ยนแปลงสังคมและฟื้นพลังสุขภาวะอย่างยืดหยุ่น จากฐานของชุมชนที่เรามี ฝึกไว้วางใจ และสร้างพื้นที่ความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกในระยะยาว”

ในงานมีเวทีเสวนา ในหัวข้อ “เราจะสร้างระบบดูแล อยู่ดี เบิกบาน ตายสงบอย่างมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร”
เป็นการแลกเปลี่ยนถึงประสบการณ์ วิธีคิด มุมมอง วิธีการ และหัวใจของผู้ทำงานขบวนการเคลื่อนไหว สู่การสร้างระบบดูแลกันแบบชุมชนที่หลากหลาย เพื่อการนำไปปรับใช้ในการทำงาน การดูแล และก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมให้ฟื้นพลังสุขภาวะที่สงบ สันติ และการอยู่ดีอย่างเบิกบานจากข้างใน

กุสุมาได้แสดงความคิดเห็นในตอนหนึ่งของการเสวนาว่า “เพื่อนๆ หลายคน เวลาเจ็บป่วย เวลาที่รู้สึกอึดอัด เวลาที่ไม่รู้ไม่รู้ว่าตัวเองจะใช้ชีวิตยังไง แค่เดินมาบ้าน มากินข้าว ชวนคุย หรือมานอนหลับพักผ่อน หลังจากนั้นเดินกลับบ้านไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสได้
กุสุมาเล่าว่า ตนเองในฐานะที่เคยเป็นผู้ดูแลคนอื่น ให้คำปรึกษากับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงทั้งในด้านสุขภาพกาย และใจมาก่อนอย่างอย่าวนานก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาที่ตนเองมีปัญหา เจ็บป่วย ก็ไม่สามารถจะบอกใครได้
แต่หลายๆ ครั้งในการที่เราเป็นผู้ดูแล เราเฝ้าสังเกตเพื่อนๆ หรือนักกิจกรรม พวกเราออกไปทำงานออกไปดูแลคนอื่น แต่เราไม่เคยหันกลับมาดูแลตัวเองเลยไม่เคยบอกตัวเองว่าตัวเองแย่แค่ไหนไม่เคยถามตัวเองว่าตัวเองเจ็บป่วยแค่ไหน”
“บางทีการเป็นผู้ดูแลก็รู้สึกว่า การที่จะบอกว่าตัวเองเจ็บป่วย ตัวเองไม่มีเงิน ตัวเองจนมากแต่ไม่กล้าพูด เพราะว่ากลัวว่าคนที่เขาเข้ามาให้เราช่วยเหลือ ให้เราดูแล จะไม่นับถือเรา จะไม่เชื่อถือ เราจะไม่สามารถให้คำปรึกษาเขาได้ เราเลยเก็บสิ่งนั้นไว้ในใจแม้กระทั่งว่าตัวเองป่วย จนถึงป่วยมาก ไม่สามารถบอกใครได้ เพราะว่าทุกครั้งที่เพื่อนเดินเข้ามาเพื่อนจะต้องเห็นว่าเราเข้มแข็ง และเราแข็งแรง”

เมื่อตนเองเป็นหนึ่งในผู้ที่เริ่มป่วย แต่ไม่เคยบอกใคร ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ เพราะว่าในเมื่อตัวเองเป็นผู้ดูแลก็ต้องแสดงด้านที่เข้มแข็งออกมา
“ตอนที่ไปทดสอบว่าเราซึมเศร้าระดับไหน ก็เจอว่าเราขึ้นขีดสีแดง ซึ่งช่วงนั้นเราเริ่มรู้เนื้อรู้ตัวว่าเราไม่อยากคุยกับใคร ไม่อยากอยู่กับใคร ไม่อยากเจอใคร เริ่มเก็บตัว แต่พอเราเราแบบทดสอบเสร็จ เราเพิ่งรู้สึกว่า “ฉันรู้ตัวแล้วนะ” “ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมา” “ฉันกำลังจะดูแลตัวเอง”
กุสุมากล่าว
เมื่อรู้ตัว การดูแลตัวเอง จึงเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีการที่รู้จักปฏิเสธเวลาที่เพื่อนเข้ามาขอความช่วยเหลือ ซึ่งบอกไปตามตรงว่าตอนนี้ไม่สบาย รู้จักให้เวลาส่วนตัวกับตัวเอง เช่น กลับมาปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ ร้อยลูกปัด ระบายสี
“สิ่งเหล่านั้นมันช่วยเราได้มาก และการร้อยลูกปัดก็สามารถสร้างรายได้ ได้อีกด้วย”

ดูแลศูนย์ HON BKK
กุสุมากล่าวถึง HON BKK ที่เพิ่งเร่ิมเปิดยังไม่ครบปี ซึ่งเธอเองเป็นหนึ่งในคนที่เร่ิมคิดและพยายามทำระบบให้เหมาะสมกับคนที่จะเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“พวกเรามีประชุมทุกวัน กับทีมที่ดูแลบ้าน หมายถึงว่าทุกครั้งที่เราไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ออกงานที่อื่น หรือมีเวิร์คช็อปที่ไหน เราจะกินข้าวด้วยกันทุกเย็น และทุกๆ ทุกครั้งที่เรากินข้าว เราจะถามว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง เจ็บป่วยตรงไหน หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ อะไรที่อัดอึด คับข้องใจให้บอกเรา
นอกจากนี้เราคำนึงถึงสิ่งสำคัญของเพศกำเนิดหญิง คือ เราเตรียมผ้าอนามัย ถุงยางอนามัย มีชุดตรวจครรภ์ เผื่อว่าบางทีเพื่อนอาจจะแบบไปทำอะไรมาแล้วก็แบบว่ารู้สึกว่าไม่มั่นใจ หรือไม่กล้าบอกใครก็มาที่บ้านเรา การดูแล เวลาเจ็บป่วย มีการส่งไปหาหมอ ซื้อยาให้กัน ดูแลกัน

เราให้ความสำคัญกับการพูด การรับฟัง เป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนมีอะไรให้บอกกันและกันอย่างตรงไปตรงมา ทำให้การทำงานในศูนย์เร่ิมเป็นรูปเป็นร่างชัดขึ้น”
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเป้าหมายที่ป่วยเป็นมะเร็งเข้ามาพูดคุย มาร่วมทำกิจกรรมกึ่งอาสาสมัคร ก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกันในบ้านพร้อมการดูแลและให้คำปรึกษาไปด้วย
“พอเป็น LGBTQ ก็จะถูกคาดหวังจากครอบครัวให้ต้องดูแลคนในครอบครัวด้วย และย่ิงอัตลักษณ์ทางเพศที่เป็นหญิง มันรู้สึกว่า ถึงเราจะมีแฟนเป็นผู้หญิงก็ยังคิดว่าเราเป็นลูกสาวที่จะต้องดูแล”
“เราพูดคุย ทั้งคุยกันเองว่าถ้าวันหนึ่ง มีใครจากไปเราจะทำยังไงกับตัวเอง หรือเราจะทำยังไงกับสิทธิประโยชน์ที่เขามีให้กับครอบครัวบ้าง”
“รู้สึกได้ว่าพอมีกลุ่มที่เราสามารถดูแลกันได้ มีพื้นที่ที่เขาพูดอะไรได้ พูดเรื่องตายได้ พูดเรื่องร่างกายได้ พูดเรื่องเซ็กส์ของตัวเองได้มันทำให้เขารู้สึกเลยว่าชีวิตมันน่าอยู่ขึ้น ชีวิตมันดีขึ้น”

“จากบางคนที่พอรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งระยะสอง อาจจะรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ท้อแท้ไปหมด ระบบร่างกายรวน ระบบงานรวน ระบบครอบครัวรวน แต่พอหลังจากที่มาอยู่กับพวกเรา เขารู้สึกเลยว่าชีวิตเขามีค่ามาก พอเขาคิดได้ เขาก็เริ่มแบ่งปันให้คนอื่นด้วย”
“บ้านเราไม่ได้ทำแค่ว่ารักษาตัวเอง ไม่ได้เป็นแค่ผู้รับอย่างเดียว เพราะหลังจากที่เราเป็นผู้รับแล้ว ก็เสริมกันด้วยการเป็นผู้ให้ เช่น ฝึกอบรม ฝึกอาชีพให้เพื่อนด้วย พวกเราก็ทำระบบส่งต่อ (เรื่องการรักษาพยาบาล)
“อย่างน้อย เพื่อนมาบ้านเรา ก็มีกำลังใจ มีอาชีพ มีร่างกายที่แข็งแรงกลับไป”
สุดท้ายแล้ว ศูนย์ HON BKK ไม่ใช่แค่ “ที่พักใจ” ของคนป่วย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ของใครหลายคน พื้นที่ที่ทำให้คนที่เคยหมดหวังกลับมามีแรงเดินต่อ และยังกลายเป็นแรงผลักให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ติดต่อขอใช้พื้นที่ หรือเข้ารับบริการ Tel : 095 189 5207 หรือ คลิก